วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553
พบดาวเคราะห์ดวงใหม่ ลักษณะคล้ายโลกที่สุด
นักดาราศาสตร์ประกาศว่าค้นพบดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่อาจมีลักษณะคล้ายโลกมากที่ สุดเท่าที่เคยเจอมา โดยมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต
เหล่านักดาราศาสตร์ แถลงข่าวที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในเมืองซานตาครูสเมื่อวานว่า ดาวดวงนี้มีที่ตั้งอยู่ใจกลางเขตที่เรียกกันว่าเขตมีชีวิต หรือ โกลดิล็อคโซน ซึ่งไม่เหมือนกับดาวเคราะห์อีกเกือบ 500 ดวงที่นักดาราศาสตร์ค้นพบนอกระบบสุริยจักรวาลของโลก
นักดาราศาสตร์บอกว่า ดาวเคราะห์ดวงนี้ อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากดาวฤกษ์ ซึ่งเป็นดาวแม่ของมัน และมันอาจจะมีน้ำในสถานะที่เป็นของเหลวด้วย
นอกจากนั้น ตัวดาวเองก็ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป ซึ่งจะมีผลต่อเรื่องของพื้นผิว แรงโน้มถ่วง และชั้นบรรยากาศของดาว
นายอาร์. พอล บัตเลอร์ จากสถานบันคาร์เนอกี้ กรุงวอชิงตัน หนึ่งในผู้ร่วมค้นพบดาวดวงนี้บอกว่า ก่อนหน้านี้เราพบดาวเคราะห์มากมาย แต่ส่วนมากถ้าไม่อยู่ในเขตที่หนาวเกินไป ก็อยู่ในเขตที่ร้อนเกินไปเมื่อวัดระยะห่างจากดาวแม่ แต่ในที่สุดเราก็เจอดาวที่อยู่ในระดับกึ่งกลางพอดี
แต่ก็ยังคงมีคำถามมากมายเกี่ยวกับดาวประหลาดดวงนี้ ที่มีมวลมากกว่าโลกราว 3 เท่า มันมีความกว้างกว่าโลกเล็กน้อย แต่อยู่ใกล้กับดวงอาทิตย์ของมันมากกว่าโลก โดยมันอยู่ใกล้เพียง 22.5 ล้านกิโลเมตร ขณะที่โลกอยู่ห่างถึง 150 ล้านกิโลเมตร ทำให้มันโคจรรอบดาวแม่ในเวลาแค่ 37 วัน นอกจากนั้นมันก็ไม่ค่อยหมุนรอบตัวเองมากนัก เพราะด้านหนึ่งมักจะสว่างอยู่เสมอ
สำหรับอุณหภูมิพื้นผิวก็อาจจะสูงถึง 71 องศาเซลเซียส หรือเย็นถึงลบ 4 องศาเซลเซียส แต่บริเวณระหว่างกึ่งกลางของทั้งสองโซน อาจจะมีสภาพอากาศสบายๆ ได้
ดาวดวงนี้โคจรรอบดาวแม่ที่ชื่อ กลีซ 581 จึงมีชื่อว่า กลิซ 581 จี มันอยู่ห่างจากโลกเราถึง 195 ล้านล้านกิโลเมตร ซึ่งแม้จะดูเหมือนว่าไกล แต่หากเทียบกับขนาดของจักรวาล ก็ถือได้ว่ามันอยู่ใกล้โลกมาก
คอลัมน์ โลกสามมิติ
อีก ครั้งหนึ่งที่นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่มีขนาดใหญ่กว่า โลกไม่มากนักซึ่งเรียกกันว่า ซุปเปอร์เอิร์ธ (super-Earth) แต่ดาวเคราะห์ดวงใหม่นี้อาจจะมีความสำคัญกว่าดาวเคราะห์ซุปเปอร์เอิร์ธดวง อื่นๆ ที่ค้นพบก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะว่ามันมีขนาดเล็กที่สุดเท่านั้น แต่เพราะว่ามันน่าจะมีน้ำอยู่บนพื้นผิวและมีอุณหภูมิเหมาะกับสิ่งมีชีวิตที่ จะอาศัยอยู่ได้
การค้นพบนี้เป็นผลงานของทีมนักดาราศาสตร์นำโดย สเตฟาน อูดรี นักดาราศาสตร์ของหอสังเกตการณ์เจนีวา ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาด 3.6 เมตรของหอสังเกตการณ์ยุโรปใต้ (European Southern Observatory-Eso) ที่ ลาซิลลา ในประเทศชิลี ค้นหาดาวเคราะห์เพิ่มเติมที่ดาวแคระแดง “กลีส 581″ (Gliese 581) ซึ่งอยู่ห่างจากโลก 20.5 ปีแสง ในกลุ่มดาวคันชั่ง (constellation Libra)
ก่อน หน้านี้นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบดาวเคราะห์ที่ดาวแคระแดงกลีส 581 แล้ว 1 ดวง คือกลีส 581 เอ (GLIESE 581 A) ดาวเคราะห์ดวงนี้เป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ มีมวลมากกว่าโลก 15 เท่าและโคจรอยู่ใกล้ดาว กลีส 581 มาก
กล้อง โทรทรรศน์ไม่สามารถส่องเห็นดาวเคราะห์ได้โดยตรงเพราะแสงจากอันเจิดจ้า ของดาวฤกษ์ ดังนั้น การค้นหาจึงต้องใช้วิธีโดยอ้อม คือตรวจจับการส่าย “wobble” ของดาวแคระกลีส 581 ถ้ามีดาวเคราะห์อยู่ที่นั่นแรงดึงดูดของมันจะทำให้ความเร็วของดาวแคระแดงกลี ส 581 เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย นักดาราศาสตร์สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงนี้ในแถบสเปกตรัม และสามารถคำนวณหา ตำแหน่งมวล และความเร็วในการโคจรของดาวเคราะห์ได้
ในที่สุดนัก ดาราศาสตร์ทีมนี้ก็ประสบความสำเร็จ เมื่อค้นพบ ดาวเคราะห์ที่ดาวแคระแดงกลีส 581 เพิ่มอีก 2 ดวง ดวงแรกคือ กลีส 581 บี (GLIESE 581 B) มีมวลมากกว่าโลกประมาณ 8 เท่า และโคจรรอบดาวแคระแดงกลีส 581 เป็นเวลา 84 วัน อีกดวงหนึ่งคือ กลีส 581 ซี (GLIESE 581 C) มีมวลมากกว่าโลกประมาณ 5 เท่าและโคจรรอบดาวแคระแดงกลีส 581 เป็นเวลา 13 วัน และดาวเคราะห์ดวงหลังนี้ได้กลายเป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดเท่าที่เคยพบมา
ดาว เคราะห์กลีส 581 ซี อยู่ใกล้ดาวแคระแดงกลีส 581 มากเมื่อเปรียบเทียบกับระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ มันจึงน่าจะร้อนเหมือนดาวพุธในระบบสุริยะ ทว่าไม่เป็นเช่นนั้น เพราะดาวแคระแดงกลีส 581 มีขนาดเล็กและเย็นกว่าดวงอาทิตย์ ดังนั้น จึงทำให้ดาวเคราะห์กลีส 581 ซี อยู่ในบริเวณที่อยู่อาศัยได้ (habitable zone) ที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า “โซนโกลดิล็อกส์” (Goldilocks Zone)
ทีมค้นพบเชื่อว่าอุณหภูมิของดาวเคราะห์กลีส 581 ซีจะอยู่ในระหว่าง 0-40 องศาเซลเซียส ซึ่งน่าจะทำให้น้ำอยู่ในรูปของเหลวได้
“มัน เป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดและเบาที่สุดที่เรารู้ในขณะนี้ และมันมีระยะห่างจากดาวฤกษ์ที่เหมาะสมซึ่งเป็นไปได้ว่ามีน้ำในรูปของเหลว อยู่บนพื้นผิวของมัน” อูดรีกล่าว
“ยิ่งไปกว่านั้นรัศมีของมันใหญ่ กว่ารัศมีของโลกเพียง 1.5 เท่าเท่านั้น และโมเดลก็ได้ทำนายว่าดาวเคราะห์ดวงนี้น่าจะเป็นหินเหมือนโลก หรือปกคลุมด้วยมหาสมุทร”
ซาเวียร์ เดลฟอสเซ นักดาราศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเกรโนเบิลของฝรั่งเศส หนึ่งในทีมค้นพบ กล่าวว่า “น้ำในรูปของเหลวมีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตอย่างที่เรารู้กัน”
เด ลฟอสเซเชื่อว่า ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะในปัจจุบันจะกลายมาเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญมาก สำหรับปฏิบัติการสำรวจอวกาศในการค้นหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก
ปฏิบัติการ ดังกล่าวจะต้องส่งกล้องโทรทรรศน์ขึ้นไปในอวกาศเพื่อที่จะเห็น ลักษณะของแสงที่อาจจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางชีวะ โดยการหาร่องรอยจากก๊าซในบรรยากาศเช่น ก๊าซมีเทน เป็นต้น
การค้นพบ ครั้งนี้ได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตร์อย่างกว้างขวาง อลิสัน บอยล์ จากพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ลอนดอน กล่าวว่า ในบรรดาดาวเคราะห์ทั้งหมดที่เราพบที่ดาวฤกษ์ต่างๆ ดาวเคราะห์กลีส 581 ซี เป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ที่ดูราวกับว่ามันจะมีองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตที่ เหมาะเจาะ
ศาสตราจารย์เกลนน์ ไวท์ จากห้องปฏิบัติการรัทเทอฟอร์ด แอ็บพลิตัน ซึ่งกำลังช่วยพัฒนาโครงการกล้องโทรทรรศน์อวกาศดาร์วิน ขององค์การอวกาศยุโรปที่จะถูกส่งไปค้นหาดาวเคราะห์และสัญญาณของสิ่งมีชีวิต ที่ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะในทศวรรษหน้า กล่าวว่า มันเห็นได้ชัดว่าการค้นพบดาวเคราะห์และคู่ของมันที่ดาวแคระแดงกลีส 581 จะกลายมาเป็นเป้าหมายที่เด่นมากสำหรับปฏิบัติการของกล้องอวกาศดาร์วินของ องค์การอวกาศยุโรป (Esa”s Darwin) และกล้องอวกาศเทอเรสเทรียลพลาเนท ไฟน์เดอร์ของนาซ่า (Nasa”s Terrestrial planet Finder) เมื่อกล้องอวกาศทั้งสองขึ้นสู่อวกาศในทศวรรษหน้านี้
ปัจจุบันนัก วิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่จะตรวจจับสูญญาณของสิ่งมี ชีวิตซึ่งจะนำไปใช้กับกล้องอวกาศดาร์วินและกล้องอวกาศเทอเรสเทรียลพลาเนท ไฟน์เดอร์
เทคโนโลยีดังกล่าวสามารถตรวจหาน้ำและก๊าซต่างๆ เช่น ออกซิเจนและมีเทนซึ่งเป็นสัญญาณทางชีวะได้จากแสงสลัวๆ ที่สะท้อนออกมาจากดาวเคราะห์ เหมือนกับแสงสลัวๆ ที่เกิดแสงของดวงอาทิตย์ที่สะท้อนจากพื้นโลกไปยังอวกาศที่เรียกกันว่า เอิร์ทไชน์ (Earthshine)
ในกรณีของโลก แสงจากดวงอาทิตย์ที่ตกบนพื้นโลกจะสะท้อนไปที่ดวงจันทร์และสะท้อนกลับมายัง โลกอีกครั้งหนึ่ง แต่จะมีแสงเอิร์ทไชน์ซึ่งสลัวๆ จะอยู่ที่ด้านมืดของดวงจันทร์ แสงนี้จะเป็นตัวนำข้อมูลของบรรยากาศและสมบัติของพื้นผิวของโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจหาก๊าซต่างๆ แม้กระทั่งพฤกษชาติของโลกได้ วิธีการนี้กำลังจะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในการค้นหาสิ่งมีชีวิตในดาวเคราะห์นอก ระบบสุริยะ
ปัจจุบันนักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่ เรียกกันว่า Exoplanets แล้วมากกว่า 200 ดวง ส่วนใหญ่เป็นดาวเคราะห์ก๊าซยักษ์ เป้าหมายหลักคือค้นหาดาวเคราะห์เหมือนโลกและสัญญาณที่บ่งบอกว่ามีสิ่งมี ชีวิต
http://www.matichon.co.th/matichon/m…sectionid=0143
Credit: http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,141298.0.html
ป้ายกำกับ: รับทำเว็บไซต์
ดาวเคราะห์ใหม่
วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553
วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์เบื้องต้น
ทราบหรือไม่ว่า วิธีตรวจเช็คสภาพรถยนต์เบื้องต้นนั้นทำอย่างไร วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาฝาก...
- ตรวจสอบระดับน้ำในแบตเตอรี่ควรเช็คทุกเดือน เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถ และป้องกันรถดับกลางทางด้วย โดยเปิดจุกสีแดง หรือเหลือง (แล้วแต่รุ่น) ทุกจุกบนแบตเตอรี่ ให้ดูระดับน้ำว่าท่วมแผ่นเซลล์สีเทาที่อยู่ด้านในหรือไม่ ถ้าไม่ท่วมให้เติมน้ำกลั่นลงไปซึ่งสามารถหาซื้อได้จากปั๊มน้ำมัน หรือร้านขายอะไหล่รถยนต์
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง โดยดึงสายวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมา แล้วให้เอาผ้าเช็ดก้านวัดให้สะอาดก่อน จากนั้นจุ่มกลับลงไปอีกครั้ง ให้ดูน้ำมันที่ติดก้านขึ้นมาว่าอยู่ที่ขีด H หรือ L อย่าให้เกินตำแหน่ง H และ L จะดีที่สุด แนะนำว่าให้เช็คในช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่เช็คระดับได้แม่นยำที่สุด
- ตรวจสอบแรงดันของยาง ควรเช็คดูมาตรฐานแรงดันโดยดูจากสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่แถวๆ ด้านข้างของคนขับ ส่วนใหญ่มาตรฐานจะอยู่ที่ 30 ถ้าเป็นคนที่ขับรถเร็วอาจจะเป็น 36 ก็ได้ ควรเช็คทุก 2 อาทิตย์เพื่อความปลอดภัย และช่วยประหยัดน้ำมัน
- เติมน้ำในหม้อน้ำ ควรเช็คทุกๆ เดือนเพื่อป้องกันน้ำแห้งแล้วจะทำหม้อน้ำพังได้ โดยเปิดจุกถังน้ำของหม้อน้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นถังสีขาว เติมน้ำลงไปให้ถึงขีดที่กำหนดไว้ ควรเช็คในช่วงเช้าก่อนออกจากบ้านจะดีที่สุด
ถ้าจะขับรถยนต์ออกจากบ้าน ก็อย่าลืมเช็คสภาพรถยนต์ก่อนจะดีที่สุด เพื่อความปลอดภัย.
สอนใจอยากเรียนขับรถยนต์ มาที่นี่ซิ สอนขับรถยนต์ ดี สอนเยี่ยม สอนเก่ง สอบครั้งเดียวก็ผ่าน ฉลุย
- ตรวจสอบระดับน้ำในแบตเตอรี่ควรเช็คทุกเดือน เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถ และป้องกันรถดับกลางทางด้วย โดยเปิดจุกสีแดง หรือเหลือง (แล้วแต่รุ่น) ทุกจุกบนแบตเตอรี่ ให้ดูระดับน้ำว่าท่วมแผ่นเซลล์สีเทาที่อยู่ด้านในหรือไม่ ถ้าไม่ท่วมให้เติมน้ำกลั่นลงไปซึ่งสามารถหาซื้อได้จากปั๊มน้ำมัน หรือร้านขายอะไหล่รถยนต์
- ตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่อง โดยดึงสายวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมา แล้วให้เอาผ้าเช็ดก้านวัดให้สะอาดก่อน จากนั้นจุ่มกลับลงไปอีกครั้ง ให้ดูน้ำมันที่ติดก้านขึ้นมาว่าอยู่ที่ขีด H หรือ L อย่าให้เกินตำแหน่ง H และ L จะดีที่สุด แนะนำว่าให้เช็คในช่วงเช้าจะเป็นช่วงที่เช็คระดับได้แม่นยำที่สุด
- ตรวจสอบแรงดันของยาง ควรเช็คดูมาตรฐานแรงดันโดยดูจากสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่แถวๆ ด้านข้างของคนขับ ส่วนใหญ่มาตรฐานจะอยู่ที่ 30 ถ้าเป็นคนที่ขับรถเร็วอาจจะเป็น 36 ก็ได้ ควรเช็คทุก 2 อาทิตย์เพื่อความปลอดภัย และช่วยประหยัดน้ำมัน
- เติมน้ำในหม้อน้ำ ควรเช็คทุกๆ เดือนเพื่อป้องกันน้ำแห้งแล้วจะทำหม้อน้ำพังได้ โดยเปิดจุกถังน้ำของหม้อน้ำ ส่วนใหญ่จะเป็นถังสีขาว เติมน้ำลงไปให้ถึงขีดที่กำหนดไว้ ควรเช็คในช่วงเช้าก่อนออกจากบ้านจะดีที่สุด
ถ้าจะขับรถยนต์ออกจากบ้าน ก็อย่าลืมเช็คสภาพรถยนต์ก่อนจะดีที่สุด เพื่อความปลอดภัย.
สอนใจอยากเรียนขับรถยนต์ มาที่นี่ซิ สอนขับรถยนต์ ดี สอนเยี่ยม สอนเก่ง สอบครั้งเดียวก็ผ่าน ฉลุย
ป้ายกำกับ: รับทำเว็บไซต์
สอนขับรถยนต์
วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
เว็บไซต์กระทรวงต่างๆ
เว็บไซต์กระทรวงต่างๆ | |
ป้ายกำกับ: รับทำเว็บไซต์
กระทรวง,
เว็บไซต์กระทรวงต่างๆ
ไฟตัดหมอก แฟชั่น..อันตราย!
เสียงบ่นจากผู้ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนมีมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับแสงไฟสว่างจ้าจนบางครั้งเกินความจำเป็น ที่สาดส่องมาจากรถที่วิ่งอยู่บนถนน
เสียงบ่นจากผู้ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนมีมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับแสงไฟสว่างจ้าจนบางครั้งเกินความจำเป็น ที่สาดส่องมาจากรถที่วิ่งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน
ไฟตัดหมอก อุปกรณ์แต่งรถที่กำลังเป็นแฟชั่นระบาดไปทั่วทั้งรถเก๋ง และรถปิกอัพ คือ ที่มาของแสงสว่างจ้าบนท้องถนนยามค่ำคืน
การเปิดไฟตัดหมอกอาจดูเท่ในสายตาเจ้าของรถ แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่โดนแสงไฟตัดหมอกที่ เปิดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม สาดใส่แล้วละก็กลับกลายเป็นความทุกข์ที่ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็น และต้องจำทนกับสภาพนี้โดยทำอะไรไม่ได้มากนอกจากขับหนี หรือปล่อยให้แซงหน้าไป
จากการใช้งานในช่วงเวลาที่ผิดนี้เอง อาจทำให้คุณประโยชน์ที่มีมหาศาลของไฟตัดหมอก กลายเป็นแค่สินค้าแฟชั่น ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุแก่รถยนต์คันอื่นบนท้องถนนได้
ความจริงไฟตัดหมอกมี มานานแล้ว แต่ในเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมเพราะราคาแพงและไม่มีความจำเป็น จึงมีให้เห็นเฉพาะกับรถนำเข้าจากเขตเมืองหนาวหรือเขตเมืองที่อยู่สูงกว่า ระดับน้ำทะเลมากๆ เท่านั้น ต่อมาค่านิยมเริ่มเปลี่ยนไป เพราะการติดไฟตัดหมอกถือว่าเท่และทันสมัย ประกอบกับราคาที่ถูกลงจึงมีการหาซื้อมาดัดแปลงติดตั้งเพิ่มเติมกัน แม้แต่รถที่ผลิตในเมืองไทยก็ยังนิยมติดไฟตัดหมอก
เสียงบ่นจากผู้ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนมีมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับแสงไฟสว่างจ้าจนบางครั้งเกินความจำเป็น ที่สาดส่องมาจากรถที่วิ่งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน
ไฟตัดหมอก อุปกรณ์แต่งรถที่กำลังเป็นแฟชั่นระบาดไปทั่วทั้งรถเก๋ง และรถปิกอัพ คือ ที่มาของแสงสว่างจ้าบนท้องถนนยามค่ำคืน
การเปิดไฟตัดหมอกอาจดูเท่ในสายตาเจ้าของรถ แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่โดนแสงไฟตัดหมอกที่ เปิดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม สาดใส่แล้วละก็กลับกลายเป็นความทุกข์ที่ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็น และต้องจำทนกับสภาพนี้โดยทำอะไรไม่ได้มากนอกจากขับหนี หรือปล่อยให้แซงหน้าไป
จากการใช้งานในช่วงเวลาที่ผิดนี้เอง อาจทำให้คุณประโยชน์ที่มีมหาศาลของไฟตัดหมอก กลายเป็นแค่สินค้าแฟชั่น ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุแก่รถยนต์คันอื่นบนท้องถนนได้
ความจริงไฟตัดหมอกมี มานานแล้ว แต่ในเมืองไทยยังไม่เป็นที่นิยมเพราะราคาแพงและไม่มีความจำเป็น จึงมีให้เห็นเฉพาะกับรถนำเข้าจากเขตเมืองหนาวหรือเขตเมืองที่อยู่สูงกว่า ระดับน้ำทะเลมากๆ เท่านั้น ต่อมาค่านิยมเริ่มเปลี่ยนไป เพราะการติดไฟตัดหมอกถือว่าเท่และทันสมัย ประกอบกับราคาที่ถูกลงจึงมีการหาซื้อมาดัดแปลงติดตั้งเพิ่มเติมกัน แม้แต่รถที่ผลิตในเมืองไทยก็ยังนิยมติดไฟตัดหมอก
“ไฟตัดหมอก” ถือกำเนิดขึ้นมาในแถบประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง อากาศหนาว หรือประเทศที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยน้ำทำให้มีฝนตกบ่อยตลอดทั้งปี มีบรรยากาศที่ขมุกขมัวหรือมีหมอกเป็นส่วนมาก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการใช้ยานพาหนะจึงมีการคิดค้นไฟตัดหมอกขึ้นมา
ไฟตัดหมอกจะ ใช้ไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์ ส่องในระนาบขนานกับพื้นถนนหรือตกพื้นในระยะไกล ดังนั้นความสว่างจึงมีมากและส่องได้ไกลกว่า โดยเฉพาะในยามที่ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด
หลอดไฟหน้าปกติถ้าเปิดส่องในขณะที่หมอกจัด มุมที่เอียงลงต่ำทำให้เกิดมุมสะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ จึงทำให้แสงที่ส่องผ่านไปมีน้อย หรือมองเห็นแค่ในระยะไม่เกิน 10 - 15 เมตร แถมแสบตากับแสงที่สะท้อนกลับ แต่ไฟตัดหมอกที่ ส่องแบบขนานพื้นจะไม่สะท้อนมาที่ห้องโดยสาร เพราะสามารถทะลุทะลวงได้มาก และสะท้อนกลับมาในมุมที่ไม่กระทบผู้ขับขี่ ทำให้มองเห็นได้ในระยะมากกว่า 30 - 80 เมตร
ในทำนองเดียวกัน เมื่อพื้นถนนเปียกหรือฝนหยุดตกใหม่ๆ ในตอนกลางคืน ไฟหน้าปกติที่ส่องลงผิวถนนจะถูกพื้นน้ำสะท้อนออกไปอีกมุมหนึ่ง ซึ่งบางครั้งแทบจะมองไม่เห็นผิวถนนด้วยซ้ำ แต่ไฟตัดหมอกที่ แทบจะไม่ส่องลงพื้นถนนยังสามารถมองเห็นผิวถนนในระยะสายตาได้อย่างชัดเจน ซึ่งในแถบประเทศเขตเมืองหนาวได้ออกกฎบังคับให้รถทุกคัน ต้องมีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ เพราะ ไฟตัดหมอกเป็นไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์จึงสามารถส่องสว่างไปได้ไกล ซึ่งหากเปิดใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม แสงจากหลอดไฟตัดหมอกจะไปแยงและรบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมาทำให้ตาพร่ามัว จึงมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าปกติ
การใช้ไฟตัดหมอกให้ถูกวิธี จึงมีการรณรงค์กันอย่างต่อเนื่องจากทั้งทางภาครัฐ และเอกชน โดยกรณีที่จำเป็นต้องเปิดไฟตัดหมอก ประกอบด้วย
1. ฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก ไฟตัดหมอกจะมีประโยชน์มาก แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตามเพราะมันสามารถช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นไฟตัด หมอกอย่างชัดเจน
2. เมื่อขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน เพราะที่สูงๆ นั้น หมอกจะมีมากกว่าปกติ
3. ในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียกอยู่ ซึ่งไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น เพราะไฟหน้าปกติถูกน้ำสะท้อนไปเกือบหมดแล้ว
4. ทุกกรณีที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนนที่บดบังทัศนวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่า 50 เมตร
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถสวนมาในระยะที่มองเห็นไฟหน้าของรถที่สวนมาได้ อย่างชัดเจน แม้แต่รถที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็จะสั่งปิดไฟตัดหมอก คงไว้เฉพาะไฟปกติเมื่อสัญญาณจับได้ว่ามีไฟสะท้อนมาในมุมตรงข้าม
การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธีจะก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเสริมทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้ดีขึ้น
ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่าง พร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธี นอกจากจะรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่นๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย
"ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ"
ไฟตัดหมอกจะ ใช้ไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์ ส่องในระนาบขนานกับพื้นถนนหรือตกพื้นในระยะไกล ดังนั้นความสว่างจึงมีมากและส่องได้ไกลกว่า โดยเฉพาะในยามที่ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด
หลอดไฟหน้าปกติถ้าเปิดส่องในขณะที่หมอกจัด มุมที่เอียงลงต่ำทำให้เกิดมุมสะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ จึงทำให้แสงที่ส่องผ่านไปมีน้อย หรือมองเห็นแค่ในระยะไม่เกิน 10 - 15 เมตร แถมแสบตากับแสงที่สะท้อนกลับ แต่ไฟตัดหมอกที่ ส่องแบบขนานพื้นจะไม่สะท้อนมาที่ห้องโดยสาร เพราะสามารถทะลุทะลวงได้มาก และสะท้อนกลับมาในมุมที่ไม่กระทบผู้ขับขี่ ทำให้มองเห็นได้ในระยะมากกว่า 30 - 80 เมตร
ในทำนองเดียวกัน เมื่อพื้นถนนเปียกหรือฝนหยุดตกใหม่ๆ ในตอนกลางคืน ไฟหน้าปกติที่ส่องลงผิวถนนจะถูกพื้นน้ำสะท้อนออกไปอีกมุมหนึ่ง ซึ่งบางครั้งแทบจะมองไม่เห็นผิวถนนด้วยซ้ำ แต่ไฟตัดหมอกที่ แทบจะไม่ส่องลงพื้นถนนยังสามารถมองเห็นผิวถนนในระยะสายตาได้อย่างชัดเจน ซึ่งในแถบประเทศเขตเมืองหนาวได้ออกกฎบังคับให้รถทุกคัน ต้องมีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ เพราะ ไฟตัดหมอกเป็นไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์จึงสามารถส่องสว่างไปได้ไกล ซึ่งหากเปิดใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม แสงจากหลอดไฟตัดหมอกจะไปแยงและรบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมาทำให้ตาพร่ามัว จึงมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าปกติ
การใช้ไฟตัดหมอกให้ถูกวิธี จึงมีการรณรงค์กันอย่างต่อเนื่องจากทั้งทางภาครัฐ และเอกชน โดยกรณีที่จำเป็นต้องเปิดไฟตัดหมอก ประกอบด้วย
1. ฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก ไฟตัดหมอกจะมีประโยชน์มาก แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตามเพราะมันสามารถช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นไฟตัด หมอกอย่างชัดเจน
2. เมื่อขึ้นภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน เพราะที่สูงๆ นั้น หมอกจะมีมากกว่าปกติ
3. ในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียกอยู่ ซึ่งไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น เพราะไฟหน้าปกติถูกน้ำสะท้อนไปเกือบหมดแล้ว
4. ทุกกรณีที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนนที่บดบังทัศนวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่า 50 เมตร
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถสวนมาในระยะที่มองเห็นไฟหน้าของรถที่สวนมาได้ อย่างชัดเจน แม้แต่รถที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็จะสั่งปิดไฟตัดหมอก คงไว้เฉพาะไฟปกติเมื่อสัญญาณจับได้ว่ามีไฟสะท้อนมาในมุมตรงข้าม
การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธีจะก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเสริมทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้ดีขึ้น
ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่าง พร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธี นอกจากจะรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่นๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย
"ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ"
แหล่งที่มา : กรุงเทพธุรกิจ
อยากขับรถเป็น ขับรถคล่องต้อง มนทชัย สอนขับรถยนต์
ป้ายกำกับ: รับทำเว็บไซต์
สอนขับรถยนต์
วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สอนขับรถยนต์
สำหรับ คนที่ อยากขับรถยนต์ ไปไหนมาไหนได้เอง ไม่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่ราคาแพงๆ
สะดวก สบาย ขับรถได้อย่างถูกต้อง ตามกฏจราจร
อุ้มส์ขอแนะนำที่นี่เลย,, "มนทชัยสอนขับรถยนต์"
ของ เค้าดีจริงๆ ขอ คอนเฟิร์ม
พอดีว่า อุ้มส์ นะขับรถยนต์ก็พอได้แล้วแหละ แต่ยังไม่กล้าออกถนนใหญ่
ก็เลยตัดสินใจ หาโรงเรียนสอนขับรถยนต์ กะเค้าซะหน่อย
ก็ เลยไปเจอ "มนทชัยสอนขับรถยนต์" ครูสอนเค้าเก่งจริงๆ
พี่อุ้ม เจ้าของโรงเรียน สอนขับรถยนต์ ก็ใจดีม๊ากมากค่ะ
เรียนเสร็จ ก็พาไปสอบใบขับขี่ด้วยแหละ ขอบอกๆ
อ้อ เค้ามีการรับ-ส่ง นักเรียนด้วยนะ
จุดรับ – ส่งผู้เรียน (บริการรับ – ส่งฟรี) ก็มีดังนี้เลยค่ะ
- ห้วยขวาง
- อิน ทามระ
- สะพานควาย
- พระรามเก้า
- อนุเสาวรีย์
- วิภา วดี
- ดินแดง
- รัชดาภิเษก
- ประตูน้ำ
- สถานี รถไฟฟ้าจตุจักร
- บิ๊กซีราม
ครูสอนขัับรถยนต์ก็จะขับรถมารับ แล้วก็ไปเรียนกันได้เลยจร้า
ป้ายกำกับ: รับทำเว็บไซต์
ขับรถยนต์,
รถยนต์,
สอนขับรถยนต์
วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553
วิธีทำเว็บไซต์ให้มีคนเข้าชมเยอะๆ
เคยอ่านบทความต่างๆไปเรื่อยๆ แล้วก็ไปเจอบทความดีดี บทหนึ่ง เค้าเขียนไว้เกี่ยวกับเว็บไซต์
ทุกวันนี้ เว็บไซต์ผุดขึ้นมาอย่างกะดอกเห็ด เยอะแยะเต็มไปหมด
ทั้งที่เป็นเว็บไซต์ขององค์กร และเว็บไซต์ส่วนตัว หรือแม้แต่เว็บไซต์ให้ความรู้ต่างๆมากมาย
ไปเจอบทความบทนี้เค้าเขียนขึ้นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีความน่าสนใจ หรือดึงดูดใจผู้ชม
โดยมีวิธี อยู่ 23 ข้อด้วยกัน ดังจะบอกต่อไปนี้นะค่ะ^^
1. ตัวอักษรดึงดูดความสนใจได้เร็วกว่าภาพหรือ กราฟฟิค
2. จุดแรกที่สายตามองคือ มุมซ้ายบนของหน้าเว็บ
3. ผู้ใช้จะมองไปที่มุมซ้ายบนของเว็บไซ ต์ ก่อนที่จะเลื่อนสายตาลงมาด้านล่างขวาเรื่อยๆ
4. ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่สนใจมองแบนเนอร์ โฆษณา
5. รูปแบบเว็บไซต์และตัวอักษรที่มี สีสันสะดุดตา มักไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้
6. แสดงข้อมูลเป็นตัวเลข จะดึงดูดสายตามากกว่าเขียนเป็นตัวอักษร
7. ขนาดตัวอักษรมีผลต่อพฤติกรรมการใช้ เว็บ โดยตัวอักษรเล็กๆ
จะทำให้คนอ่านอย่างละเอียด ขณะที่ตัวอักษรใหญ่ ทำให้คนมองเป็นอันดับแรก
8. คนส่วนใหญ่อ่านพาดหัวรอง ในกรณีที่น่าสนใจจริงๆ
9. คนมักจะอ่านส่วนล่างของหน้าเว็บแบบ ผ่านๆ
10. ประโยคหรือย่อหน้าสั้นๆ ดึงดูดความสนใจของคนอ่านมากกว่า
11. รูปแบบเว็บไซต์ที่มีแถวแนวตั้งแถว เดียว ดึงดูดสายตามากกว่าหลายแถว
12. แบนเนอร์โฆษณาที่อยู่บริเวณบนสุด และซ้ายสุด จะดึงดูดสายตามากที่สุด
13. การวางโฆษณาใกล้กับคอนเทนท์ที่ดี ที่สุด จะได้รับความสนใจจากผู้ใช้ค่อนข้างมาก
14. โฆษณาแบบตัวอักษรได้รับความสนใจ มากกว่าโฆษณาแบบภาพหรือกราฟฟิค
15. ภาพยิ่งใหญ่ ยิ่งดึงดูดความสนใจได้มาก
16. ภาพที่ชัด ดูง่าย และถ่ายบุคคลจริงๆ จะได้รับความสนใจจากคนดู มากกว่าภาพประเภทดีไซน์จัดๆ
ภาพนามธรรม (abstract) หรือภาพนายแบบ-นางแบบ
17. หน้าเว็บไซต์ก็เหมือนหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ เพราะฉะนั้น พาดหัวจะได้รับความสนใจมากที่สุด
18. คนส่วนใหญ่มักจะสนใจหัวข้อและเมนู ต่างๆ ในเว็บไซต์
19. ถ้ามีบทความยาวๆ ในเว็บไซต์หรือบล็อก หากแยกเนื้อหาออกเป็นข้อๆ
จะได้รับความสนใจจากผู้อ่านมากขึ้น
20. ผู้ใช้มักจะไม่อ่านบทความที่ติดกัน ยาวๆ หลายบรรทัด
ดังนั้น ถ้าบทความยาวมาก ควรแตกเป็นย่อหน้าย่อยๆ
21. การดึงความสนใจของคนให้อ่านบทความ ให้มากและนานที่สุด
คือการใช้รูปแบบตัวอักษรที่แตกต่างกันไป เช่น ตัวหนา ตัวใหญ่ ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้
หรือตัวอักษรสีต่างๆ แต่ไม่ควรใช้มากเกินไป เพราะทำให้ผู้อ่านหมดความสนใจเช่นกัน
22. เว้นที่ว่างบนหน้าเว็บบ้างก็ดี ไม่ต้องใส่ข้อมูลหรือภาพบนทุกอณูของเว็บก็ได้
23. ปุ่ม navigation ควรวางไว้บนสุดของหน้าเว็บ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้ง่ายที่สุด
หวังว่าบทความดีดี แบบนี้จะเป็นประโยชน์กับ เพื่อนๆ
หรือบุคคลที่ต้องการทำเว็บไซต์ หรือออกแบบเว็บไซต์ให้มีผู้คนเข้ามาดูมาอ่านกันเยอะๆ
^^ ออกแบบเว็บไซต์เสร็จแล้ว เอามาอวดกันที่บล็อคของอุ้มส์บ้างก็ได้นะค่ะ ยินดีค่ะ
ทุกวันนี้ เว็บไซต์ผุดขึ้นมาอย่างกะดอกเห็ด เยอะแยะเต็มไปหมด
ทั้งที่เป็นเว็บไซต์ขององค์กร และเว็บไซต์ส่วนตัว หรือแม้แต่เว็บไซต์ให้ความรู้ต่างๆมากมาย
ไปเจอบทความบทนี้เค้าเขียนขึ้นเพื่อให้เว็บไซต์ของเรามีความน่าสนใจ หรือดึงดูดใจผู้ชม
โดยมีวิธี อยู่ 23 ข้อด้วยกัน ดังจะบอกต่อไปนี้นะค่ะ^^
1. ตัวอักษรดึงดูดความสนใจได้เร็วกว่าภาพหรือ กราฟฟิค
2. จุดแรกที่สายตามองคือ มุมซ้ายบนของหน้าเว็บ
3. ผู้ใช้จะมองไปที่มุมซ้ายบนของเว็บไซ ต์ ก่อนที่จะเลื่อนสายตาลงมาด้านล่างขวาเรื่อยๆ
4. ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่สนใจมองแบนเนอร์ โฆษณา
5. รูปแบบเว็บไซต์และตัวอักษรที่มี สีสันสะดุดตา มักไม่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้
6. แสดงข้อมูลเป็นตัวเลข จะดึงดูดสายตามากกว่าเขียนเป็นตัวอักษร
7. ขนาดตัวอักษรมีผลต่อพฤติกรรมการใช้ เว็บ โดยตัวอักษรเล็กๆ
จะทำให้คนอ่านอย่างละเอียด ขณะที่ตัวอักษรใหญ่ ทำให้คนมองเป็นอันดับแรก
8. คนส่วนใหญ่อ่านพาดหัวรอง ในกรณีที่น่าสนใจจริงๆ
9. คนมักจะอ่านส่วนล่างของหน้าเว็บแบบ ผ่านๆ
10. ประโยคหรือย่อหน้าสั้นๆ ดึงดูดความสนใจของคนอ่านมากกว่า
11. รูปแบบเว็บไซต์ที่มีแถวแนวตั้งแถว เดียว ดึงดูดสายตามากกว่าหลายแถว
12. แบนเนอร์โฆษณาที่อยู่บริเวณบนสุด และซ้ายสุด จะดึงดูดสายตามากที่สุด
13. การวางโฆษณาใกล้กับคอนเทนท์ที่ดี ที่สุด จะได้รับความสนใจจากผู้ใช้ค่อนข้างมาก
14. โฆษณาแบบตัวอักษรได้รับความสนใจ มากกว่าโฆษณาแบบภาพหรือกราฟฟิค
15. ภาพยิ่งใหญ่ ยิ่งดึงดูดความสนใจได้มาก
16. ภาพที่ชัด ดูง่าย และถ่ายบุคคลจริงๆ จะได้รับความสนใจจากคนดู มากกว่าภาพประเภทดีไซน์จัดๆ
ภาพนามธรรม (abstract) หรือภาพนายแบบ-นางแบบ
17. หน้าเว็บไซต์ก็เหมือนหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ เพราะฉะนั้น พาดหัวจะได้รับความสนใจมากที่สุด
18. คนส่วนใหญ่มักจะสนใจหัวข้อและเมนู ต่างๆ ในเว็บไซต์
19. ถ้ามีบทความยาวๆ ในเว็บไซต์หรือบล็อก หากแยกเนื้อหาออกเป็นข้อๆ
จะได้รับความสนใจจากผู้อ่านมากขึ้น
20. ผู้ใช้มักจะไม่อ่านบทความที่ติดกัน ยาวๆ หลายบรรทัด
ดังนั้น ถ้าบทความยาวมาก ควรแตกเป็นย่อหน้าย่อยๆ
21. การดึงความสนใจของคนให้อ่านบทความ ให้มากและนานที่สุด
คือการใช้รูปแบบตัวอักษรที่แตกต่างกันไป เช่น ตัวหนา ตัวใหญ่ ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้
หรือตัวอักษรสีต่างๆ แต่ไม่ควรใช้มากเกินไป เพราะทำให้ผู้อ่านหมดความสนใจเช่นกัน
22. เว้นที่ว่างบนหน้าเว็บบ้างก็ดี ไม่ต้องใส่ข้อมูลหรือภาพบนทุกอณูของเว็บก็ได้
23. ปุ่ม navigation ควรวางไว้บนสุดของหน้าเว็บ เพื่อช่วยเหลือผู้ใช้ได้ง่ายที่สุด
หวังว่าบทความดีดี แบบนี้จะเป็นประโยชน์กับ เพื่อนๆ
หรือบุคคลที่ต้องการทำเว็บไซต์ หรือออกแบบเว็บไซต์ให้มีผู้คนเข้ามาดูมาอ่านกันเยอะๆ
^^ ออกแบบเว็บไซต์เสร็จแล้ว เอามาอวดกันที่บล็อคของอุ้มส์บ้างก็ได้นะค่ะ ยินดีค่ะ
ป้ายกำกับ: รับทำเว็บไซต์
การออกแบบเว็บไซต์ที่ดี,
โฆษณา
วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553
การออกแบบ เว็บไซต์ที่ดี
สำหรับ คนที่เริ่มต้นออกแบบเว็บไซต์ในครั้งแรกไม่รู้ว่าจะ เริ่มอย่างไรดี บทความนี้จะแนะนำวิธีการในการออกแบบเว็บไซต์ที่เว็บทั่วไปควรมี ดังรูปที่เห็นด้านบนเป็นโครงสร้างของเว็บไซต์โดยจะมีส่วนหลักๆอยู่ด้วยกัน ทั้งหมด 6 ส่วนดังนี้
1.Containing block โดยปกติเราจะเขียน หรือ
ต่อจาก เพื่อเอาไว้เก็บเนื้อหาทั้งหมดของเว็บไซต์ก่อน เพื่อเอาไว้เป็นกล่องในการเก็บเนื้อหาทั้งหมด โดยกล่องของเราจะมีข้อดีอยู่ตรงที่ สามารถทำให้ปรับเปลี่ยนขนาดในการแสดงผลของเนื้อหาได้ หรือตำแหน่งการแสดงผลของเว็บไซต์ได้เช่น จัดกลาง ชิดซ้าย หรือชิดขวา หากนึกภาพไม่ออก ลองเขียนเว็บไซต์โดยเริ่มที่ใส่ตัวหนังสือลงไปก่อน จากนั้นหากต้องการจัดตัวหนังสือเหล่านั้นจะทำได้ยากมาก ดังนั้นทุกครั้งที่ออกแบบเว็บไซต์อย่างลืมที่จะสร้าง containing block เอาไว้ใส่เนื้อหาทั้งหมดก่อน เพื่อความสะดวกของเราเอง2.Logo เป็นสัญลักษณ์ที่แสดง ถึงตัวตนของเรา ทำให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานจดจำเราได้ ด้วยเหตุนี้เองทำให้การออกแบบเว็บไซ ต์นั้นจำเป็นต้องมีโลโก้ ของเว็บไซต์เป็นอย่างยิ่ง ส่วนตำแหน่งที่ควรจะวางโลโก้ไว้คือตำแหน่งที่เป็นสีม่วงทั้งหมดนั่นเอง จะสังเกตได้ว่าจะเป็นส่วนที่อยู่ด้านบนของเว็บไซต์ทั้งหมด เพื่อให้ผู้ใช้งานจำได้ และสะดุดตา เรื่องที่ต้องเตือนให้รู้กันก็คือ โลโก้ของเว็บไซต์เมื่อคลิกจะนำไปสู่หน้าแรกของเว็บไซต์เสมอ
3.Navigation
เป็น ส่วนที่จะนำผู้เข้าชมเว็บไซต์ไป ยังส่วนต่างของเว็บไซต์ โดยสามารถทำให้อยู่ในแนวนอน หรือแนวตั้งก็ได้ หากสังเกต baanwebsite.com เราจะทำทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยแนวนอนจะนำไปสู่เนื้อหาหน้าอื่นของเว็บไซต์ ส่วนแนวตั้งจะนำไปสู่เนื้อหาย่อยในหน้านั้น ตำแหน่งที่ควรจะวาง navagation เอาไว้คือสีเขียวทั้งหมด ถ้าสังเกตดูจะพบว่าการวางตำแหน่งต้องพยายามให้อยู่ในส่วนด้านบนของเว็บไซต์ หรือจะพูดอีกอย่างคือส่วนที่เมื่อผู้ใช้เปิดมาก็ต้องเจอได้ทันที ไม่ควรวางไว้ในตำแหน่งที่ผู้ใช้จะต้องเลื่อนขึ้นลง ซ้ายขวา4.Content
ส่วน เนื้อหาของเว็บไซต์ เป็นส่วนที่ สำคัญมากที่สุด หากผู้ใช้งานไม่สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายผู้ใช้งานจะเปลี่ยนไปชมเว็บใหม่ ทันที ตำแหน่งที่ควรวางเนื้อหาไว้คือสีแดง หรือตำแหน่งอื่นๆที่คิดว่าจะทำให้ผู้หาเจอได้โดยไม่ลำบาก หากสังเกตดูจะพบว่าเว็บไซต์บางเว็บไซต์มีโฆษณาที่มากจนเกินไป ทำให้ผู้ใช้งานหาเนื้อหาไม่เจอ นั่นถือเป็นการออกแบบเว็บไซต์ที่ผิดพลาด5.Footer
คือ ส่วนล่างสุดของหน้าเว็บไซต์ ส่วนใหญ่จะเก็บลิงก์ต่างๆเอาไว้ หรือเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับเว็บไซต์เช่นลิขสิทธิ์ต่างๆ ถามว่าจำเป็นต้องมีหรือไม่ บอกได้ว่าจำเป็นอย่างยิ่ง footer จะเป็นตัวบอกผู้ชมว่าส่วนนี้คือล่างสุดของหน้าที่กำลังแสดงอยู่แล้วนะ ไม่มีเนื้อหาเพิ่มเติมแล้ว ทำไม่ต้องบอกเนื่องจากการแสดงเว็บไซต์ในบางครั้งนั้นหน้านั้นอาจโหลดได้ไม่ หมด อาจแสดงได้แค่เนื้อหาภายใน หากเราออก แบบเว็บไซต์ให้มี footer ตั้งแต่แรกผู้ใช้งานก็จะรู้ได้ทันทีว่าหน้าที่แสดงผลนี้อาจแสดงได้ไม่ สมบูรณ์เพราะยังไม่เห็น footer และยังมีผลต่อภาพลักษณ์ของเว็บไซต์โดยตรง เราจะสังเกตได้ว่าเมื่อเข้าไปดูเว็บไซต์ที่ไม่มี footer จะรู้สึกเหมือนกับว่าเว็บไซต์นั้นยังทำไม่เสร็จ หรือขาดอะไรบางอย่าง6.Whitespace
พื้นที่ ว่างในเว็บไซต์ คนส่วนใหญ่มักไม่เห็นความสำคัญของการเว้นพื้นที่ว่างไว้ในเว็บไซต์ เรามักจะใส่ภาพหรือตัวหนังสือเข้าไปให้มากที่สุดเพราะคิดว่าจะทำให้เว็บดู สวยงามขึ้น หรือใช้พื้นที่มีมีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด หากเราออกแบบเว็บไซต์โดยไม่ได้คำนึงว่า ต้องมีพื้นที่ว่างอยู่ในเว็บไซต์ จะทำให้เว็บของเรานั้นดูอึดอัดทันที การเว้นช่องว่างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างระหว่างตัวอักษร หรือช่องว่างระหว่างภาพ เนื้อหาต่างๆ นอกจากจะทำให้เว็บของเราดูสบายตาขึ้นแล้ว ยังทำให้เราสามารถกำหนดจุดที่จะให้ผู้ใช้งานเว็บรู้สึกสนใจในจุดนั้นได้อีก ด้วย เช่นหากเราเว้นช่องว่างเอาไว้ตรงกลาง และนำภาพหรือตัวหนังสือเล็กๆไปวางไว้ ตรงจุดนั้นจะเป็นที่สนใจของผู้ใช้ทันทีบทความดีดีจาก Website i OK
ป้ายกำกับ: รับทำเว็บไซต์
การออกแบบเว็บไซต์ที่ดี,
ขั้นตอนออกแบบเว็บไซต์,
ออกแบบเว็บไซต์
วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553
เหตุการณ์สุดคลาสสิกของอาชีพ โปรแกรมเมอร์
เหตุการณ์สุดคลาสสิกของอาชีพ โปรแกรมเมอร์
Category: Life, Programmer
สังเกตดูดีๆ คนที่ทำงานสาย software developer นั้น จะเจอเหตุการณ์ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอดชีวิตการทำงานสายนี้ และต่อไปนี้ขอเชิญอ่าน เหตุการณ์สุดคลาสสิคของโปรแกรมเมอร์เมอร์เมอร์….(มีเสียงสะท้อนเล็กน้อย)
โปรเจ็คที่ได้รับมักจะดูเหมือนง่ายในตอนแรก แต่สับสนวุ่นวายในตอนสุดท้าย
การให้โปรแกรมเมอร์ทำ เอกสาร เปรียบเสมือนเอานาวิกโยธินสหรัฐไปประกวดนางสาวไทย
ตอนเขียนโปรแกรมเอง Test เอง ไม่เจอ Bug แต่ตอนไป Test กับลูกค้าเสือกเจอ!!!
ตอน Test กับลูกค้าเหมือนจะไม่มีบั้กแล้ว พอเริ่มใช้งานระบบจริง แม่ง เสือกเจอ!!!
พอโปรแกรมพังตอนใช้งาน จริง โปรแกรมเมอร์มักเอ่ยว่า “ตอน Test ไม่เห็นเป็นเลย” แล้วก็จบด้วยการทำหน้างงๆ แสดงให้เห็นว่า กูไม่รู้จริงๆนะเว้ย
ประเมินเวลาของโปรเจ็ค 10 วัน ไม่ใช่การเขียนโปรแกรม 80 ชั่วโมงต่อคน แต่อาจะเป็น 100ชั่วโมงต่อคน หรือมากกว่านั้น
Programmer เก่งกาจจะเป็น System Analyst ทำเอกสารได้ห่วยแตก
Programmer ที่เก่งกาจมันพูดภาษาคนแล้วเข้าใจยาก
System Analyst ที่ทำเอกสารได้เก่งกาจ มักจะเคยเป็น Programmer ที่เขียนโปรแกรมได้ห่วยแตกมาก่อน
ลูกค้าไม่เคยให้ Requirement ครบ
ลูกค้าคือพระเจ้า
นอกจากลูกค้าแล้ว Google ก็เป็นพระเจ้าเหมือนกัน
งาน Coding ไม่เคยเสร็จก่อนกำหนด
ออกแบบระบบจนเสร็จ แล้วค่อยเขียนโปรแกรม เป็นแค่เรื่องในฝันเท่านั้น (สำหรับคนไทย)
คนให้ Requirement จริงๆ มักจะไม่ค่อยอยากได้ระบบ IT หัวหน้ามันนั้นแหละ อยากได้
บางที Bug ก็ไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการคำจำกัดความ
Bug ก็เหมือนความรัก มองไม่เห็น แต่รู้สึกถึงมันได้
ไม่มี OT มีแต่ O-Free
Project ที่ โปรแกรมเมอร์ปั่นงานจะจนดึกดื่น มักจะมี Bug เยอะ ถึงเยอะมาก
ลูกค้ามักจะขี้เกียจ Test โปรแกรมของมันเอง
แต่พอใช้งานจริงแล้วเจอ Bug ชอบมางอแง
เขียนโปรแกรมช้า ใช่ว่าจะไม่มี Bug
เขียนโปรแกรมเทพ ใช่ว่าจะไม่มี Bug
สรุปว่าเขียนยังไงโปรแกรมก็มี Bug
การแก้ Code ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองเป็นเรื่องที่น่าปวดกบาลมาก
Code ยิ่งเทพเท่าไหร่ แก้ Bug ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
และคนเขียน Code เทพ มักจะโดนสาปแช่งจาก Programmer ที่ต้องมาแก้งานมัน
ถ้าโปรแกรมช้า เราจะโทษว่า Server ไม่ดี
System Analyst ที่แก้ Design บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันเปลี่ยน”
System Analyst ที่เพิ่ม Requirement บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันขอเพิ่ม”
Programmer ที่ทำงานไม่ทัน มักจะอ้างว่าประเมินเวลามาน้อยเกินไป
มีความเชื่อว่า Application ไม่ต้องการความสวยงาม
Requirement สามารถเปลี่ยน เพิ่ม ได้ตลอดเวลา แต่มันไม่มีทางลดลงแน่นอน
การเล่น Internet ไร้สาระ คือการผ่อนคลาย
การเล่น msn คือการผ่อนคลาย
การเล่น social network เป็นการผ่อนคลาย
ด่าลูกค้าเป็นความบันเทิง และผ่อนคลาย
Internet มีทุกอย่างที่โปรแกรมเมอร์ต้องการ
พิมพ์สัมผัสได้ เป็นผลจาการ Chat อันหนักหน่วง
มีความเชื่อว่า ถ้าพิมพ์คีย์บอร์ดด้วยความรุนแรง จะดูเท่
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า โปรแกรมเมอร์ทำได้ทุกอย่างที่เกียวกับ computer
ดังนั้น โปรแกรมเมอร์เป็นที่พึ่งให้ เพื่อนๆ พ่อ แม่ พี่น้อง อากง อาม่า เวลามีปัญหากับเทคโนโลยีใหม่ๆ
ไม่มีโปรแกรมเมอร์คนไหน กลับบ้านตรงเวลาตลอด
ชีวิตจะบัดซบทุกครั้ง ที่ไฟดับ
ตอน Present โปรแกรมให้ลูกค้าดู ต้องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง
เวลาขี้เกียจแก้งาน โปรแกรมเมอร์จะบอกว่า “Code ตรงนี้กูไม่ได้เป็นคนเขียนครับ”
เวลาโปรแกรมมีปัญหา ลูกค้ามักจะบอกว่า “ยังไม่ได้ไปทำอะไรมันเลยนะ อยู่ๆก็ใช้ไม่ได้”
โปรแกรมเมอร์ว่างงาน มักง่วงตอนสายๆ หรือบ่ายๆ
คาเฟอีนคือยาวิเศษ
การนั่งหลับเวลาง่วงมักไม่ค่อยได้รับความยอมรับจากหัวหน้า
ปล.และอื่นๆอีกมากมาย ตรงทุกข้อ สาบานได้ ฮ่าๆๆๆ
Category: Life, Programmer
สังเกตดูดีๆ คนที่ทำงานสาย software developer นั้น จะเจอเหตุการณ์ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอดชีวิตการทำงานสายนี้ และต่อไปนี้ขอเชิญอ่าน เหตุการณ์สุดคลาสสิคของโปรแกรมเมอร์เมอร์เมอร์….(มีเสียงสะท้อนเล็กน้อย)
โปรเจ็คที่ได้รับมักจะดูเหมือนง่ายในตอนแรก แต่สับสนวุ่นวายในตอนสุดท้าย
การให้โปรแกรมเมอร์ทำ เอกสาร เปรียบเสมือนเอานาวิกโยธินสหรัฐไปประกวดนางสาวไทย
ตอนเขียนโปรแกรมเอง Test เอง ไม่เจอ Bug แต่ตอนไป Test กับลูกค้าเสือกเจอ!!!
ตอน Test กับลูกค้าเหมือนจะไม่มีบั้กแล้ว พอเริ่มใช้งานระบบจริง แม่ง เสือกเจอ!!!
พอโปรแกรมพังตอนใช้งาน จริง โปรแกรมเมอร์มักเอ่ยว่า “ตอน Test ไม่เห็นเป็นเลย” แล้วก็จบด้วยการทำหน้างงๆ แสดงให้เห็นว่า กูไม่รู้จริงๆนะเว้ย
ประเมินเวลาของโปรเจ็ค 10 วัน ไม่ใช่การเขียนโปรแกรม 80 ชั่วโมงต่อคน แต่อาจะเป็น 100ชั่วโมงต่อคน หรือมากกว่านั้น
Programmer เก่งกาจจะเป็น System Analyst ทำเอกสารได้ห่วยแตก
Programmer ที่เก่งกาจมันพูดภาษาคนแล้วเข้าใจยาก
System Analyst ที่ทำเอกสารได้เก่งกาจ มักจะเคยเป็น Programmer ที่เขียนโปรแกรมได้ห่วยแตกมาก่อน
ลูกค้าไม่เคยให้ Requirement ครบ
ลูกค้าคือพระเจ้า
นอกจากลูกค้าแล้ว Google ก็เป็นพระเจ้าเหมือนกัน
งาน Coding ไม่เคยเสร็จก่อนกำหนด
ออกแบบระบบจนเสร็จ แล้วค่อยเขียนโปรแกรม เป็นแค่เรื่องในฝันเท่านั้น (สำหรับคนไทย)
คนให้ Requirement จริงๆ มักจะไม่ค่อยอยากได้ระบบ IT หัวหน้ามันนั้นแหละ อยากได้
บางที Bug ก็ไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการคำจำกัดความ
Bug ก็เหมือนความรัก มองไม่เห็น แต่รู้สึกถึงมันได้
ไม่มี OT มีแต่ O-Free
Project ที่ โปรแกรมเมอร์ปั่นงานจะจนดึกดื่น มักจะมี Bug เยอะ ถึงเยอะมาก
ลูกค้ามักจะขี้เกียจ Test โปรแกรมของมันเอง
แต่พอใช้งานจริงแล้วเจอ Bug ชอบมางอแง
เขียนโปรแกรมช้า ใช่ว่าจะไม่มี Bug
เขียนโปรแกรมเทพ ใช่ว่าจะไม่มี Bug
สรุปว่าเขียนยังไงโปรแกรมก็มี Bug
การแก้ Code ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองเป็นเรื่องที่น่าปวดกบาลมาก
Code ยิ่งเทพเท่าไหร่ แก้ Bug ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
และคนเขียน Code เทพ มักจะโดนสาปแช่งจาก Programmer ที่ต้องมาแก้งานมัน
ถ้าโปรแกรมช้า เราจะโทษว่า Server ไม่ดี
System Analyst ที่แก้ Design บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันเปลี่ยน”
System Analyst ที่เพิ่ม Requirement บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันขอเพิ่ม”
Programmer ที่ทำงานไม่ทัน มักจะอ้างว่าประเมินเวลามาน้อยเกินไป
มีความเชื่อว่า Application ไม่ต้องการความสวยงาม
Requirement สามารถเปลี่ยน เพิ่ม ได้ตลอดเวลา แต่มันไม่มีทางลดลงแน่นอน
การเล่น Internet ไร้สาระ คือการผ่อนคลาย
การเล่น msn คือการผ่อนคลาย
การเล่น social network เป็นการผ่อนคลาย
ด่าลูกค้าเป็นความบันเทิง และผ่อนคลาย
Internet มีทุกอย่างที่โปรแกรมเมอร์ต้องการ
พิมพ์สัมผัสได้ เป็นผลจาการ Chat อันหนักหน่วง
มีความเชื่อว่า ถ้าพิมพ์คีย์บอร์ดด้วยความรุนแรง จะดูเท่
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า โปรแกรมเมอร์ทำได้ทุกอย่างที่เกียวกับ computer
ดังนั้น โปรแกรมเมอร์เป็นที่พึ่งให้ เพื่อนๆ พ่อ แม่ พี่น้อง อากง อาม่า เวลามีปัญหากับเทคโนโลยีใหม่ๆ
ไม่มีโปรแกรมเมอร์คนไหน กลับบ้านตรงเวลาตลอด
ชีวิตจะบัดซบทุกครั้ง ที่ไฟดับ
ตอน Present โปรแกรมให้ลูกค้าดู ต้องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง
เวลาขี้เกียจแก้งาน โปรแกรมเมอร์จะบอกว่า “Code ตรงนี้กูไม่ได้เป็นคนเขียนครับ”
เวลาโปรแกรมมีปัญหา ลูกค้ามักจะบอกว่า “ยังไม่ได้ไปทำอะไรมันเลยนะ อยู่ๆก็ใช้ไม่ได้”
โปรแกรมเมอร์ว่างงาน มักง่วงตอนสายๆ หรือบ่ายๆ
คาเฟอีนคือยาวิเศษ
การนั่งหลับเวลาง่วงมักไม่ค่อยได้รับความยอมรับจากหัวหน้า
ปล.และอื่นๆอีกมากมาย ตรงทุกข้อ สาบานได้ ฮ่าๆๆๆ
ป้ายกำกับ: รับทำเว็บไซต์
โปรแกรมเมอร์,
อาชีพ
วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
SMS คือ
ถ้าพูดคำว่า SMS เชื่อว่าทุกท่านก็คงพอเข้าใจกันดีว่ามันมีลักษณะเป็นแบบไหนหน้าตาเป็นยังไง แต่บางทีก็อาจจะไม่ทราบ ถึงความหมายจริงๆของ SMS ก็ได้เราก็ได้นำความรู้เล็กน้อยที่คิดว่าน่าใกล้ตัว ทุกๆท่านมาเป็นมาบอกกัน จริงๆแล้ว SMS นั้นก็ย่อมาจากคำว่า Short Message Serviceแปลได้ว่าเป็น การบริการส่งข้อความสั้นๆ ที่ผ่านทางโทรศัพท์มือถือนั่นเองปัจจุบันน่าจะ รับส่งข้อความละไม่เกิน 160 ตัวอักษรต่อการส่งข้อความ 1 ครั้ง
วันเสาร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553
Facebook อีกโลกของสังคมออนไลน์
อีกหนึ่งสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ HI5 หรือ My Space อีกทั้งลักษณะหน้าตาที่ดูแล้วอาจจะคล้ายกัน แต่ถ้าคุณได้ลองเข้าไปสัมผัสจะพบว่า "Facebook" มีอะไรมากกว่าที่คิด
ก่อนอื่นขอแนะนำที่มาที่ไปของ Facebook สักนิดหนึ่ง ว่าเกิดจากการสร้างพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อนฝูงในมหาวิทยาลัยบน โลกไซเบอร์เท่านั้น จนขยายไปสู่มหาวิทยาลัยดังๆ ของเด็กหนุ่มวัย 23 ปี ที่มีนามว่า Mark Zuckerburg เด็กจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด จนกระทั่งปัจจุบันมีผู้สนใจจากทั่วโลกเข้าลงทะเบียนใช้งาน มากกว่า 24 ล้านคน เฉลี่ยมีผู้ลงทะเบียนใหม่กว่า 1 แสนรายต่อวัน
Face คือเว็บไซต์ที่คุณสามารถสร้างหน้าโปรไฟล์ Facebook หรือข้อมูลของคุณเอง และนำไปเชื่อมโยงกับหน้าโปรไฟล์ Facebook ของคนอื่นๆ เพื่อให้คุณสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนเหล่านั้นได้ ซึ่งขึ้นอยู่กับบริการของเว็บไซต์แต่ละห้อง เช่น เข้าไปดูรูปของเพื่อน เขียนไดอะรี ส่งข้อความส่วนตัว เขียนข้อความลงบนพื้นที่ในหน้าของเพื่อน ฟังเพลง ส่งเพลงให้กัน ท้าดวลเกม ฯลฯ ซึ่งคุณสามารถส่งข้อความพูดคุยกับเพื่อนตัวต่อตัว หรือจะส่งข้อความหาเพื่อนกลุ่มใหญ่ในครั้งเดียวก็ทำได้ทั้งนั้น
สิ่งที่ทำให้ Facebook โดดเด่นออกมาคือ ผู้ใช้งานต้องใช้ชื่อจริงและอีเมลเดียวกันในการลงทะเบียน และมีความต้องการที่จะรู้จักคนอื่นที่มีตัวตนจริงๆ บนโลกใบนี้
Facebook กลายเป็นที่พูดถึงต่อเมื่อมีการเปิดแพลตฟอร์มให้บรรดานักพัฒนาโปรแกรมทั้ง หลายสามารถพัฒนาโปรแกรม หรือแอพพลิเคชันต่างๆ ใส่ไป Facebook ได้ วันนี้เราขอแนะนำแอพพลิเคชันเด่นมาสัก 3 ตัว 3 รูปแบบการใช้งาน คือแอพพลิเคชันที่เกี่ยวกับแผนที่อย่าง Whereyougonnabe ของ Peter Batty
Whereyougonnabe คือแอพพลิเคชันที่เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการแชร์แผนการเดินทางระหว่างกลุ่ม เพื่อน ใน Facebook โดยสามารถกำหนดสถานที่และเส้นทาง ร่วมกับตารางนัดหมายของผู้ใช้ Facebook ข้อดีคือสามารถใช้ฟีเจอร์นี้ในการวางแผนการเดินทางและการนัดพบปะกับเพื่อนๆ ได้ โดย Whereyougonnabe ใช้ข้อมูลแผนที่และเส้นทางจาก Google Map โดยเชื่อมต่อกับสมุดนัดหมายที่อยู่ใน Facebook ของผู้ใช้ การใช้งานก็ง่าย เพียงแค่เพิ่มตัว Whereyougonnabe และปรับแต่งค่ารายละเอียดไม่มากนักก็ใช้งานได้อย่างง่ายดาย
ต่อมา Facebook Connect ที่จะทำให้ความเป็นสังคมของเว็บเพิ่มระดับขึ้นไปอีกขั้น คือ สมาชิก Facebook สามารถจะใช้ไอดีจาก Facebook เข้ามาใช้บริการเว็บไซต์อื่นที่เข้าร่วม Facebook Connect แล้วบรอดคาสต์กิจกรรมที่กำลังทำอยู่บนเว็บนั้นไปยังเพื่อนสมาชิก Facebook คนอื่น เช่น อาจจะเข้าไปดูวิดีโอบนเว็บไซต์หนึ่งแล้วเพื่อนในกลุ่มก็จะรับรู้ ชักชวนกันเข้ามาดูด้วยพร้อมๆ กัน ระหว่างนั้นก็มีปฏิสัมพันธ์หรือการสนทนาพูดคุยแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่ดู ร่วมกัน โดยไม่ต้องอาศัยโปรแกรมตัวช่วยอื่นๆ ไม่ต้องล็อกอินเข้าเว็บไซต์ใหม่ด้วยไอดีใหม่
ปิดท้ายด้วยเกม แอพพลิเคชันต่างๆ ที่มีใน Facebook ซึ่งเกมเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นตัวดึงดูดให้คุณๆ ทั้งหลายเข้ามาใช้บริการ Facebook บ่อยและนานขึ้น อาทิ เกม Pet Society เป็นเกมคล้ายๆ กับทามาก็อตแรกเริ่มเลย เราสามารถเลือกรูปหน้า หู ตา คิ้ว จมูก สีตัว ได้ เราจะมีหมู่บ้าน โดยคนในหมู่บ้านก็คือเพื่อนที่เราแอดอีเมลกันไว้ หรือเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วใน Facebook
ใน Facebook ยังมีแอพพลิเคชันอีกหลากหลายรูปแบบ ที่ถือได้ว่าเป็นจุดที่อาจทำให้มีสมาชิกเพิ่มถึง 200 ล้านคน อ้อ! สิ่งสำคัญในการใช้งานแอพพลิเคชันต่างๆ ต้องสมัครก่อนถึงจะเข้าสู่โลกนั้นๆ ได้ ซึ่งการใช้งานต่างๆ นั้นไม่ยากเลย
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าสู่อีก หนึ่งสังคมออนไลน์ เข้าไปสมัครกันได้ที่ http://www.facebook.com/
facebook ยังสามารถใช้ทำการตลาดออนไลน์ได้อีกด้วย นะค่ะเพื่อนๆ
ถ้าใครสนใจเรื่องการทำตลาดกับ Social Network สามารถติดต่อกันมาที่เว็บไซต์นี้ได้นะค่ะ
ป้ายกำกับ: รับทำเว็บไซต์
บ้านเว็บไซต์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)